Nipponkitchen

อาหารหลาย ๆ อย่างใน blog นี้ ต๊ะไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เพี้ยนไปจากต้นฉบับ หรือกลายเป็นอาหารฟิวชั่นไปหรอกนะคะ แต่ทว่าเครื่องปรุง ส่วนผสม วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารและขนมไทยหลาย ๆ อย่างเป็นของหายากในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นแป้งทำขนมอย่างแป้งถั่วเขียว แป้งท้าวยายม่อม ผักสด เครื่องเทศหลายอย่าง รวมทั้งใบเตยค่ะ

แต่จะว่าไปก็นับว่ายังดี ที่มีข้าวสาร นํ้ามันหอย นํ้าปลา เครื่องแกง  ราคาถึงแม้ว่าจะแพงกว่าที่เคยซื้อหาในไทย แต่ถ้าเทียบกับเครื่องปรุงของญี่ปุ่นแล้วถือว่าไม่แพงหรือบางอย่างจัดว่าถูกด้วยซํ้าตามมาตรฐานญี่ปุ่น อย่างนํ้าปลาหรือนํ้ามันหอยก็จะมีราคาถูกกว่าโชยุที่ปริมาณเท่า ๆ กัน มีทั้งแบบยี่ห้อที่คุ้นเคย หรือยี่ห้อที่ผลิตเพื่อส่งออกไม่เคยเห็นหน้าตาที่ไทยมาก่อน ราคาวัตถุดิบที่ไม่แพงอาจจะเป็นเพราะญี่ปุ่นกับเมืองไทยอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ ค่าขนส่งจึงไม่สูงก็ได้นะคะ

วันนี้ต๊ะทำสังขยาชาเขียว ใส่มัชชะแทนใบเตย สีที่ได้จะออกเขียวตุ่นๆ หน่อย ซึ่งต๊ะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมดูขนมจากมัชชะที่คนอื่นทำสีสันมันถึงสดสวย ลองเปลี่ยนยี่ห้อ เปลี่ยนเกรดก็แล้ว ก็ยังไม่เจอที่ให้สีเขียวสด ๆ สักที ก็ยังคงเป็นปริศนาสำหรับต๊ะต่อไปนะคะ ส่วนเรื่องดับกลิ่นคาวไข่ต้องบอกว่ามัชชะใช้ได้ดีไม่ใบเตย มีกลิ่นหอมแบบเฉพาะ เข้ากับขนมปังนึ่งร้อนๆ อร่อยมากค่ะ สามารถหาซื้อมัชชะได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่นะคะ ตอนนี้เข้าใจว่าร้านค้าออนไลน์หลายแห่งก็น่าจะมีขาย หรือถ้ามาญี่ปุ่นก็ง่ายเลย มีขายทุกที่ค่ะ ตลาด ซุปเปอร์ ร้านสะดวกซื้อ หรือแม้กระทั่งร้านร้อยเยน ถ้ามาเที่ยวอย่าลึมซื้อกลับไปทำขนมหรือเครื่องดื่มอร่อยๆ นะคะ

หรือถ้าใครไม่สะดวกจริง ๆ จะใช้มัชชะแบบพร้อมชงก็ได้นะคะ ต๊ะอยากให้การทำอาหารเป็นเรื่องสนุก และไม่เป็นภาระ ก็ปรับเปลี่ยนตามชอบนะคะ

เอาล่ะค่ะตามมาดูสูตรสังขยาชาเขียวที่ต๊ะทำกินกับซาดาโอะ และโคชิดีกว่า อร่อยน้า

โอเด้งเป็นอาหารประเภทต้มที่นิยมกินกันในญี่ปุ่่นเวลาอากาศเย็นจัด ค่ะ เมื่อถึงฤดูหนาวถ้าเราออกไปเดินตามสวนสาธารณะก็จะเจอรถเข็นขายโอเด้ง ส่งกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลเลยนะคะ เป็นความอร่อยที่เข้าถึงได้ง่าย ในราคาที่เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าสุด ๆ 

ตามร้านสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกแห่งก็จะต้องมีโอเด้งร้อนๆ ขาย และก็ยังมีเป็นชุดสำหรับซื้อกลับไปทำที่บ้านด้วยนะคะ ชุดโอเด้งนี้แค่เอาไปต้มกับนํ้าเปล่าตามปริมาณที่บอกไว้ เราก็จะได้นั่งซดโอเด้งร้อน ๆ แบบสบายๆ ที่บ้านแล้วค่ะ พออากาศอุ่นขึ้นร้านรวงต่างๆ ที่ขายโอเด้งก็จะหายไปกับลมหนาวค่ะ ถึงขายต่อลูกค้าก็คงไม่ค่อยมี เพราะคนญี่ปุ่นชอบกินอาหารตามฤดูกาลนั่นเอง 

โอเด้งก็เหมือนอาหารอย่างอื่นในญี่ปุ่นที่ในแต่ละที่มีเครื่องปรุง ส่วนผสมต่างกัน โอเด้งในวันนี้เป็นสไตลล์คันโต นํ้าซุปสีเข้ม ใส่หัวไชเท้ากับลูกชิ้นหลากชนิด ถ้าเป็นแถบคันไซนํ้าซุปจะสีอ่อน และรสออกหวาน ส่วนโอเด้งของชาวนาโกย่าใช้นำ้ซุปจากมิโซะ 

วันก่อนไปเดินซุปเปอร์เห็นเซ็ตเซ็นไดโอเด้ง ออกอาการงงเล็กน้อย คือต๊ะไปเซ็นไดบ่อยแต่ไม่เคยรู้เลยว่าเซ็นไตมีโอเด้งที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองด้วย แต่ถึงยังไงก็ต้องลองค่ะ คือก็เป็นเซ็ตลูกชิ้นคล้าย ๆ กับที่เห็นทั่วไปนะคะ แต่ในซัตสึมะ อาเกะ มีกุ้งกับปลาหมึกสอดไส้อยู่ด้วย กูเกิลดูก็พอเห็นว่าร้านโอเด้งในเซ็นไดหลายร้านใส่อาหารทะเลลงไปต้มด้วย ก็ขอเดาละกันค่ะว่าที่ดซ็นไดคงนิยมใส่อาหารทะเลกัน

ถ้าเราอยากกินโอเด้งในหน้าร้อนก็ต้องใช้ความพยายามขึ้นหน่อยค่ะ แตยังไงก็ยังเป็นอาหารที่ทำง่ายสุดๆ อยู่ดี 

เอาล่ะค่ะตามมาดูสูตรโอเด้งที่ต๊ะทำกินกับซาดาโอะ และโคชิดีกว่า อร่อยน้า 

1. หั่นหัวไชเท้าเป็นแว่นหนาประมาณ 1 ซม. นะคะ แล้วหั่นครึ่ง แล้วเอาลงไปต้มกับนํ้าเปล่านะคะ ตามด้วย Men Tsuyu ค่ะ 

2. แล้วเตรียมหั่นลูกชิ้นกันเลยนะคะ หั่นเสร็จแล้วเอาไปลวกนํ้าก่อน จะได้ล้างนํ้ามันออกไป ซุปจะได้ใสๆ นะคะ 

มาดูหน้าตาลูกชิ้นที่ใส่วันนี้ดีกว่าค่ะ 

คามาโบโกะ ลูกชิ้นปลาสีสวยกับชิกุวะ ลูกชิ้้นปลาแบบหลอดก็เป็นลูกชิ้้นปลาเราคุ้นกันอยู่แล้วนะคะ 

3. เสร็จแล้วพอหัวไช้เท้าสุกใส เราก็ใส่ลูกชิ้นลงไปค่ะ ตามด้วยไข้ต้ม ปิดฝาต้มไฟอ่อน ๆ ประมาณ 30 นาทีนะคะ 

ถ้า Oyakodon (โอยาโกะด้ง) เป็นอาหารจานเดียวขวัญใจเด็ก ๆ แล้ว ต๊ะว่า Gyudon (ข้าวหน้าเนื้อ) น่าจะเป็น"อาหารจานเดียวขวัญใจผู้ใหญ่วัยทำงาน"นะคะ  อาหารจานด่วนเมนูนี้ให้พลังงานพอเหมาะ รสชาติก็อร่อย กินแกล้มกับขิงดองรสเผ็ดนิด ๆ ช่วยตัดความมันจากเนื้อวัว กินแล้วไม่เลี่ยนเกินไปนะคะ 

ที่ญี่ปุ่นนิยมเสริ์ฟ Gyudon (ข้าวหน้าเนื้อ) กับไข่ต้มออนเซ็น (Onsen Tamogo) เป็นไข่ที่เอาไปต้มในบ่อนํ้า พุร้อนค่ะ ไข่แดงจะเหลวหยาดเยิ้ม ส่วนไข่ขาวจะยังนิ่มๆ เหลวๆ แต่ไม่ถึงกับใสนะคะ

2. ละลายเนบในไมโครเวฟ เสร็จแล้วใส้กระเทียมเจียว เกลือ นํ้าตาล พาร์สลีย์ลงไป ผสมให้ละลายเข้ากันดี

3. หันขนมปังบาแก็ตให้หนาประเมาณ 1 ซม. แต่ไม่ต้องให้ขาดนะคะ เอาพอแค่ทาเนยได้ก็พอ

5. เสร็ตแล้วใช้ส่วนผสมข้อ 2 ทาให้ทั่วค่ะ

"Oyakodon (ข้าวหน้าไก่ใส่ไข่ /โอยาโกะด้ง)"   เป็นเมนูอาหารจานเดียวขวัญใจเด็ก ๆ ที่กินอร่อย อิ่ม อยู่ท้อง ทำก็ไม่ยากค่ะ แล้วส่วนผสมก็มีติดตู้เย็นแม่บ้านโตเกียวอยู่แล้วนะคะ 

เมนูนี้ไม่ว่าจะเป็นมื้อไหนก็ทำได้ค่ะ เพราะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเอง แต่กว่าจะทำออกมาให้ไข่เยิ้ม ๆ นํ้าไม่เจิ่งแบบนี้ ก็ทำแล้วทำอีกอยู่ 4-5 รอบเลยนะคะ

ปกคิแล้วตามร้านอาหารที่มีเมนูโอยาโกะด้ง หรือ คัตสึด้ง เป็นเมนูหลัก มักจะมีกระทะอลูมิเนียม ที่มีด้ามยาว มีฝาปิด และมีขอบที่สะดวกสำหรับการเท (มีเวอร์ชั่นสำหรับใช้ไมโครเวฟด้วยนะคะ) ซึ่งสำหรับคนที่ทำบ่อยๆ ต๊ะว่าน่าจะซื้อเก็บไว้ หรือทำไม่บ่อยแต่จะชอบความสะดวกสบาย และห้องครัวใหญ่ มีพื้นที่สำหรับจัดเก็บจะซื้อไว้ก็ได้เหมือนกันค่ะ เพราะไม่ใช่ของราคาแพงอะไร ทีนี้ถ้าเราไม่มีกระทะสำหรับทำโอยาโกะด้งโดยเฉพาะ เราก็ต้องหาหม้อหรือกระทะขนาดเล็กๆ ค่ะ เพราะถ้าหม้อใหญ่ความร้อนก็จะกระจายไม่ทั่ว จะทำให้ไข่เยิ้มๆ ก็ยากนะคะ  หม้อเล็กๆ ไข่จะสุกเร็วกว่าค่ะ และอีกอย่างยังไงเราก็ทำทีละที่อยู่แล้ว

โอยาโกะด้ง เท่าที่ต๊ะเห็นแถวนี้ไข่จะไม่สุกหมดนะคะ แล้วก็จะมองเห็นไข่ขาวด้วย เวลาเราเตรียมไข่ก็ใช้ตะเกียบคนๆ สักสี่ห้าครั้งก็พอนะคะ ไม่งั้นจะกลายเป็นไข่เจียวไม่รู้น้า 

เอาล่ะค่ะตามมาดูสูตรข้าวหน้าไก่ใส่ไข่ (Oyakodon) ที่ต๊ะทำกินกับซาดาโอะ และโคชิดีกว่า อร่อยน้า 

วิธีทำ

1. เทดาชิลงในหม้อนะคะ เติม สาเก โชยุ มิริน นํ้าตาลลงไปค่ะ ใส่ไก่ลงไปเลยค่ะ ต้มไปจนสุกไม่ต้องปิดฝานะคะ ใช้เวลาประมาณ 4 นาทีค่ะ 

6.ระหว่างย่างหมูเอาแปรงทาซอสไปด้วยนะคะ

7.เสร็จแล้วตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมผักต้ม หรือย่างก็ได้ค่ะ ผักจะใส่เนยหรือนํ้ามันมะกอกก็ได้ค่ะ แต่ต๊ะไม่ได้ใส่อะไรจิ้มกับซอสบาร์บีคิวอย่างเดียว แค่นี้ก็อร่อยลํ้า....

ซอสบาร์บีคิวที่เหลือเอาใส่ขวดเก็บไว้ในตู้เย็นนะคะ จะเอามาทำหมูย่าง ทำซอสสปาเก็ตตี้ หรือว่าจะจิ้มขนมปังก็อร่อยนะคะ 

ปูจ๋าเป็นหนึ่งในอาหารหลายๆ อย่างที่ต๊ะไม่แน่ใจในสัญชาติ ตอนเด็กๆ เคยเห็น เคยกินทุกครั้งที่ไปเที่ยวตลาดหนองมน ก็เข้าใจและมั่นใจว่าเป็นอาหารไทยแท้แน่นอน โตขึ้นมามีโอกาสไปไหนต่อไหนมากขึ้นถึงรู้ว่าร้านอาหารจีนที่ปีนังก็ขายเมนูนี้เหมือนกัน ชักรู้สึกไม่มั่นใจว่าเป็นอาหารจีนรึเปล่า เพราะรสชาติกระเดียดไปทางอาหารจีนอยู่บ้างเหมือนกันนะคะ แต่ที่มาไม่สำคัญค่ะ สำคัญที่รสชาติ

รสชาติของปูจ๋าไม่รู้ว่าใครจะคิดแบบต๊ะบ้างว่ามันคล้ายๆ กับหอยจ๊อนะคะ จะต่างกันก็ตรงใส่กระดองปูกับฟองเต้าหู้นี่ล่ะ แต่จะว่าไปถ้าให้เลือกแล้วต๊ะชอบรสชาติของหอยจ๊อมากกว่าเพราะว่ามีความหอม กรุบกรอบของฟองเต้าหู้ เข้ากับรสชาติเค็มหวานอ่อนๆ ของเนื้อปูที่ปรุงด้วยซีอิ๊วกับเหล้าจีน อร่อยลํ้า มีเท่าไหร่ก็กินหมดไม่เหลือ

ข่าวร้ายก็คือที่โตเกียวไม่มีฟองเต้าหู้แห้งขายค่ะ อย่างน้อยก็แถวที่ต๊ะอยู่ ถึงอยากกินหอยจ๊อยังไงก็ไม่มีหวังค่ะ แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะทำปูจ๋าแทนก็แล้วกันนะคะ แต่จะว่าไปแล้วกระดองปูที่ต๊ะใช้ทำปูจ๋าวันนี้ ก็เป็นหนึ่งในของหายากแถวๆ นี้นะคะ โดยเฉพาะปูม้าหาซื้อได้เฉพาะหน้าร้อนอันแสนสั้นเท่านั้น พ้นจากช่วงหน้าร้อนไปปูม้าที่ขายในซุปเปอร์ส่วนมากจะเลาะเอากระดองทิ้งไป สับไว้เป็นชิ้นๆ และเป็นแบบแช่แข็ง ซึ่งไม่อร่อยเอาซะเลย  ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่อาหารทะเล (ขอไม่นับปลานะคะ) ในญี่ปุ่นราคาแพงทุกอย่างค่ะ

วันนี้เจอของหายากทั้งที เอามาทำของอร่อยๆ ดีกว่านะคะ วันนี้นอกจากทำปูจ๋าแล้วต๊ะยังเก็บเนื้อปูส่วนนึงไว้ทำขนมจีนนํ้ายาปักษ์ใต้ด้วย

ตามมาดูสูตรปูจ๋าที่ต๊ะทำกินกับซาดาโอะ และโคชิดีกว่า อร่อยน้า 

วิธีทำ

1. เอาส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากันในอ่างผสมนะคะ  เสร็จแล้วนวดให้เข้ากันค่ะ เอาแช่ตู้เย็นประมาณ 30 นาทีนะคะ

2. จากนั้นเอาไปใส่กระดองปูให้เต็ม ดูจากดูรูปแล้วเหมือนจะเยอะแยะเลยนะเนี่ย แต่ไม่หรอกค่ะปูที่ซื้อมาวันนี้ตัวเล็กนิดเดียว เสร็จแล้วเอาไปนึ๋งให้สุกประมาณ 10 นาที

3. จากนั้นเอาปูออกจากหม้อ รอให้เย็นลงนิดหน่อยนะคะ เสร็จแล้วเอาแป้งสาลีโรยให้ทั่ว แล้วเอาไปชุบไข่

ช่วงนี้ต๊ะกำลังเห่อหม้อทอดหม้อใหม่ ที่พึ่งซื้อมาจาก Kappabashi เป็นหม้อทอดที่ทำจากเหล็กเนื้อหนา ใช้งานดีกว่าหม้อเก่ามากๆ ค่ะ ให้ความร้อนเท่ากัน และควบคุมอุณหภูมิได้ง่ายมากๆ ค่ะ อาหารทอดที่ทำช่วงนี้สีเหลืองสวย กรอบ อร่อยเป็นที่สุด....... 

พูดถึงอาหารที่จะทำวันนี้บ้างดีกว่าค่ะ Tonkatsu (ทงคัตสึ) เป็นหนึ่งในอาหารจานโปรดของต๊ะ ตั้งแต่สมัยอยู่เมืองไทย ถ้ามีโอกาสก็จะตระเวนชิมไปเรื่อย ไม่ว่าจะร้านอาหารญี่ปุ่นแถวสีลม สุขุมวิท ไปมาเป็นสิบร้าน ร้านไหนอร่อยก็กลับไปอีกค่ะ ร้านที่ไปบ่อยที่สุดก็คือร้าน  Bekku ซอยทองหล่อ เพราะรสชาติทงคัตสึอร่อยลํ้า แถมอยู่ใกล้บ้านมากๆ ที่สำคัญที่สุดร้านนี้เติมข้าว ซุป อาหารข้างเคียงได้ไม่อั้น อิ่ม อร่อย งบไม่บานปลาย อย่างนี้ใครจะไม่รักล่ะคะ

แต่ถ้าในญี่ปุ่นถ้าอยากจะหากินทางคัตสึอร่อยๆ นอกบ้าน ก็ต้องไปตามห้างที่ทอดกันใหม่ๆ มีให้เนื้อหมูให้เลือกหลายแบบตามสไตล์ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นสันนอก สันใน หมูบด หมูดำ หมูอนามัย เสิร์ฟกับข้าวสวย ซุปมิโซะ และผักดอง สำหรับอาหารข้างเคียงอย่างเห็ดเข็มทองผัดเนย แซลมอนต้ม ผักต้มปรุงรส สารพัดสารพันที่ต๊ะเคยเห็นที่เมืองไทย ร้านทงคัตสีที่ญี่ปุ่นไม่ได้เสิร์ฟนะคะ เพราะฉะนั้นถ้าวันไหนพอมีเวลาต๊ะก็จะทำเองค่ะ 

ทงคัตสึไม่ใช่อาหารสุขภาพ ทอดด้วยนํ้ามันเยอะ ทานเป็นครั้งคราวเพื่อความอร่อย สบายอกสบายใจก็พอได้อยู่นะคะ แต่ถ้าใครสนใจจะทำทงคัตสึแบบอบก็ได้สุขภาพมากกว่า ลองดูสูตรที่นี่นะคะ

เอาล่ะค่ะตามมาดูสูตรทงคัตสึ (หมูชุบเกล็ดขนมปังทอดสไตล์ญี่ปุ่น) ที่ต๊ะทำกินกับซาดาโอะและโคชิดีกว่าอร่อยน้า