มื้อเช้าวันสุดท้ายเราเริ่มวันด้วยข้าวต้ม อีกร้านนี้ใช้นํ้าซุปจากกระดูกวัว รสชาตินํ้าซุปจะออกมันกว่าสองร้านแรก แต่ทว่าก็ไม่ได้มันจนรู้สึกเลี่ยน หรือว่าหนักท้อง โรยต้มหอมซอยมาเพียบ เสริ์ฟมาพร้อมกับพริกและเกลือ อร่อยค่ะ
  มาถึงตอนนี้ขอเบรกกันด้วยของหวานกันบ้าง เราแวะดื่มนํ้าชาที่เกาหลีบ่อยมากๆ ทั้งอยากลองของใหม่และก็ดื่มแก้หนาวไปด้วย ชาที่ต๊ะสั่งวันนี้เป็นชาเก็กฮวย ชาหอมกลิ่นเก็กฮวยแต่ต๊ะว่ามันจืด เพราะชินกับนํ้าเก็กฮวยหวานๆ ส่วนซาดาโอะสังชาพีช รสชาติหวานลํ้า สุดท้ายต้องแลกกัน ส่วนขนมที่วางอยู่นี้เป็นขนมที่ทำจากธัญพืช นํ้าผึ้ง และก็แป้งสาลี รสออกหวาน คล้ายกระยาสารท แต่เนื้อเบากว่า
ต่อกันด้วยมื้อกลางวัน มาถึงเกาหลีแล้วก็ต้องกินเนื้อย่างบูลโกกิ เนื้อย่างที่ร้านนี้มีทั้งแบบบุปเฟ่ต์และแบบสั่งเป็นจาน ถึงจะงกยังไงต๊ะก็ไม่เลือกบุปเฟ่ต์ เพราะจากประสบการณ์รู้ว่าแบบสั่งเป็นจานจะได้เนื้อที่ดีกว่า ไหนไหนก็อุตส่าห์มาเที่ยวแล้วกินให้อร่อยดีกว่า สั่งเนื้อย่างมาแล้วซาดาโอะเสียใจอยู่บ้าง ที่ร้านไม่ได้ย่างเตาถ่าน แล้วก็กิมจิมีให้เลือกน้อยกว่าร้านอาหารเกาหลีที่ไทยมาก แต่ก็เนื้อก็นุ่มและก็หมักพอดี ถึงเครื่องอร่อยค่ะ
มื้อกลางวันของอีกวันหนึ่งเราอยากลองกินอาหารชุดแบบเกาหลี ที่ร้านนี้มีแบบชุดชาวบ้าน กับชุดชาววัง เราไม่ลังเลเลือกชุดชาววังทันที พนักงานรีบปฏิเสธเป็นภาษาเกาหลีเดาได้ประมาณว่าไม่มี หรือหมด เอหรือจะเห็นว่าหน้าตาท่าทางแบบนี้กินแบบชาวบ้านจะเหมาะกว่าก็ไม่รู้ เอาละค่ะ มาดูหน้าตากันดีกว่า

เริ่มด้วยอาหารเรียกนํ้าย่อยกันก่อนค่ะ ประกอบด้วยผักดอง กิมจิ ผัดวุ้นเส้นเกาหลี หมดแล้วห้ามเติม
มื้อเย็นวันสุดท้ายนี้น่าจะเป็นมื้อหนักที่สุด ทั้งในแง่ของปริมาณและราคา เราสั่งอาหารกันเต็มที่ ก็จะกลับบ้านกันแล้วนี่นะ อาหารจานแรกที่จะนำเสนอเป็นปูม้าสด ราดซอสรสเผ็ดๆ หวาน เนื้อปูม้าสดมากๆ ไม่ได้ถึงกับดิบซะเลย เหมือนกับลวกมาหน่อย เป็นอาหารเกาหลีที่ไม่เคยเห็นไม่เคยกินมาก่อน อร่อยถูกปากมากๆ
ร้านอาหารเกาหลีโดยมากแล้วไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ มีแต่เมนูภาษาเกาหลี กับญี่ปุ่น หากเที่ยวเองโดยไม่ง้อทัวร์แล้ว ถ้าไม่รู้ภาษาแล้วจะสั่งอาหารกินเองอาจเป็นเรื่องยุ่งยากอยู่บ้าง แต่ต๊ะว่ามันก็ยังเป็นไปได้นะ เพราะที่หน้าร้านก็จะมีโมเดลวางโชว์อยู่ก็พอพึ่งได้อยู่ หรือหากไว้ใจโต๊ะข้างๆ จะสั่งตามเค้าก็ได้ลุ้นสนุกดี