Nipponkitchen

หลังจากเก็บกระเป๋าเดินทางกลับเข้าตู้ไปได้ไม่กี่วัน เราก็เปิดตู้หยิบมันออกมาปัดฝุ่น ขัดถูให้พร้อมใช้งานอีกรอบ เป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้คือบาหลีค่ะ ทะเลชื่อดังที่อยู่ใกล้เมืองไทยแค่เอื้อม แต่เราก็มองข้ามไปซะทุกครั้งจนมาถึงวันนี้... ไม่รู้ว่าคิดถูกรึเปล่าที่จะเหิรฟ้าไปจากโตเกียว เพราะแค่ระยะเวลาในการนั่งเครื่องบินไป-กลับก็ร่วม 20 ชั่วโมง ยังไม่นับเวลาเดินทางไปสนามบิน เวลารอ Transit และเวลาเช็คอิน แค่นึกก็เหนื่อยแล้ว 

แต่ด้วยความที่เป็นวันหยุดช่วงตรุษจีน ทางเลือกเราเลยน้อยเต็มที่ ที่หวังจะไปกินบะหมี่ กินปูขน ที่ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นอันเลิกคิด เพราะร้านรวงต่างๆ ก็ปิดร้านพักผ่อนกันแทบจะหมดทั้งเมือง ส่วนเรื่องจะไปยุโรป หรืออเมริกาก็ยากอีกเพราะเวลามีน้อย และค่าธรรมเนียมนํ้ามันช่วงนี้แพงกระฉูด สู้ไม่ไหว

เที่ยวบาหลีช่วงนี้ด้วยความที่เป็นหน้ามรสุม ท้องฟ้าจึงมืดครื้มทั้งวัน แถมฝนตกอยู่เรื่อย เราเลยไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเลย   นอกจากหาดคุต้า (Kuta) แถวรีสอร์ทนั่นเอง ถือเป็นช่วงที่ต่อมขี้เกียจได้ทำงานอย่างเต็มที่ หุหุ เอาเป็นว่ามาดูที่พักกันเลยดีกว่าค่ะ

หลังจากตระเวนกิน ตระเวนเที่ยวตั้งแต่คริสมาสต์ ปีใหม่ ไม่มีหยุด ก็ได้เวลากลับมาสู่โลกของความเป็นจริงอีกครั้งที่มหานครโตเกียว พร้อมกับนํ้าหนักที่ตามมาจากปีเก่าร่วม 3 กิโล เห็นตาชั่งแล่วอ่อนใจ เอาล่ะค่ะถึงเวลาเข้าครัวทำอาหารไดเอ็ตกันบ้างแล้วล่ะนะ 

เมนูที่ต๊ะลงมือทำวันนี้คือ Kinpira Gobo ค่ะ เมนูนี้นอกจากเป็นเมนูไดเอ็ตแล้ว ยังถือว่าเป็นเมนูฮอตฮิตสำหรับใส่เบนโตะอีกด้วย จะกินเย็นๆ ก็ยังอร่อยอยู่ แถมได้ไฟเบอร์จากโกโบอีกเพียบ เป็นเมนูเบาๆ แคลอรี่เริ่มต้นแค่ 50-60 กิโลแคลอรี่ เท่านั้นเอง   

ขอบอกเล่าท้าวความสักหน่อย โกโบ (Gobo) เป็นพืชตระกูลเดียวกับเผือก เป็นพืชที่รากขนาดใหญ่นำมาใช้ทำกับข้าวอร่อยๆ กินได้ แต่จะต่างกับเผือก มัน ตรงที่โกโบมีเส้นใยอาหารและนํ้าเป็นส่วนประกอบหลัก ไม่ใช่นํ้าตาลและเแป้ง  ฉะนั้นจึงกินได้โดยที่ไม่ต้องกลัวอ้วนนะคะ (อยากรู้จักผักที่นิยมใส่ในอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ คลิกที่นี่ค่ะ )

ส่วนผสม   

โกโบ 1 หัว (ราก) 

แครอท 1/2 หัว 

งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

นํ้ามันงา 1 ช้อนโต๊ะ 

Men Tsuyu 20 มล.

นํ้าเปล่า 100 มล.

สาเก 2 ช้อนโต๊ะ 

มิริน 1 ช้อนโต๊ะ 

โชยุ 1.5 ช้อนโต๊ะ 

นํ้าตาล 1 ช้อนชา
* สามารถเติมบุกเพื่อเพิ่มไฟเบอร์ได้นะคะ
* ถ้าชอบเผ็ดก็เติมพริกป่นญี่ปุ่นได้ตามต้องการค่ะ

1. ล้างโกโบให้สะอาด แล้วใช้สันมีดขูดผิวสีนํ้าตาลอ่อนออกไปค่ะ แต่ถ้าใครไม่อยากให้มีกลิ่น หรือรสชาติดินๆ (เหมือนมันแกว) ก็ปอกเปลือกทิ้งไปเลยได้ แต่ส่วนตัวต๊ะว่ามีกลิ่นก็หอมอร่อยดีนะคะ เสร็จแล้วหั่นโกโบเป็นแท่งเล็กขนาดใหญ่กว่าก้านไม้ขีดไฟนิดหน่อย แช่นํ้าเย็นไว้ก่อนสักพักแล้วเทนํ้าทิ้ง เทนํ้าเย็นใส่อีกครั้ง ทิ้งไว้จนกว่าจะใช้ค่ะ 

2. ปอกเปลือกแครอทแล้วหั่นแบบเดียวกับโกโบ

และแล้วต๊ะ ซาดาโอะ โคชิ ก็เดินทางมาถึงสนามบินคิมโป กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยสวัสดิภาพ

ไม่ได้ถ่ายรูปมาโชว์ เพราะว่าเป็นสนามบินเล็กๆ ดูๆ ไปแล้วไม่มีอะไรโดดเด่น คล้ายๆ กับดอนเมืองบ้านเรานี่เอง

 จากสนามบินสู่โรงแรมเราเลือกเดินทางไปโรงแรมด้วยรถไฟ พอไปถึงสถานีถึงรู้ว่าพลาดอย่างแรง ไม่ใช่ว่ารถไฟเกาหลีเก่าเยิน โทรม ไม่น่านั่งหรอกค่ะ

แต่เห็นคลื่นมหาชนที่สถานีโซล ต๊ะเกือบลมใส่ ลืมคิดไปเลยว่าวันนี้มันวันคริสมาสต์อีฟนี่นา แต่จะย้อนกลับไปตั้งหลักใหม่ก็ไม่ได้อีก เพราะต้องเบียดคนล้านเจ็ดออกไป ก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินตัวลีบขึ้นรถไฟไป กว่าจะมาถึงโรงแรมได้ อย่าให้บ่นเลย นี่ขนาดว่าโรงแรมอยู่ใกล้นะ

ก่อนรู้จักกับซาดาโอะ ต๊ะไม่เคยรู้จักเบนโตะหรือข้าวกล่องแบบญี่ปุ่นมาก่อนเลย ถ้าพูดถึงอาหารญี่ปุ่นแล้ว

คิดออกแต่ซูชิ  เทมปุระแล้วก็ราเมน เชยซะยิ่งกว่าเชยค่ะ

เพราะจะว่าไปแล้วเบนโตะ หรือข้างกล่องแบบญี่ปุ่นนี้โด่งดังข้ามนํ้า ข้ามทะเลไปถึงไหนๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ยุโรป หรือเอเชีย ทุกที่ทุกแห่งมีเบนโตะแฟนคลับเต็มไปหมด 

อุปกรณ์ทำเบนโตะเองก็หาซื้้อได้ง่าย จะทำเบนโตะน่ารักคิกขุยังไงก็ทำได้ (ถ้ามีฝีมืออ่ะนะ) 

ฉะนั้นการไม่รู้จักเบนโตะทั้งๆ ที่แต่งงานกับคนญี่ปุ่นเนี่ยมันเหลือเชื่อจริงๆ แต่ต๊ะก็ไม่เดือดร้อนใจอะไร

ไม่ได้สนใจจะเรียนรู้เพิ่มเลยด้วย จนวันหนึ่งกรรมก็สนองจนได้