Nipponkitchen

อยากได้ดอกบ๊วยไปชื่นชมกันต่อที่บ้านก็หาซื้อติดมือกลับไปได้ค่ะ 

พูดถึงมะระแล้ว บอกตรงๆว่าต๊ะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ จะผัด จะทอดยังไงก็ไม่ค่อยจะกิน แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอเอามาใส่นํ้าซุปก๋วยเตี๋ยวแล้วถึงชอบ ทั้งๆ ที่มันก็ขม ใครต่อใครอาจจะบอกว่าหวาน สำหรับต๊ะมันไม่นะ แต่ถึงจะขมยังไงขอให้เป็นก๋วยเตี๋ยวมะระเถอะกินหมดไม่เหลือค่ะ 

ร้านอาหารไทยในโตเกียวที่ต๊ะรู้จักไม่มีเมนูนี้สักร้าน แต่อย่าว่าแต่ก๋วยเตี๋ยวมะระเลย ก๋วยเตี๋ยวนํ้าตก ต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวหลอดอะไรก็ไม่ค่อยเห็นกันนักหรอกค่ะ จะมีก็แต่ผัดไทย-อาหารประจำชาตินี่ล่ะ แต่จะไปว่าเค้าก็ไม่ได้ต้นทุนในการทำอาหารแต่ละอย่างก็ค่อนข้างสูง ก็จะเป็นต้องเลือกแต่เมนูที่เป็นที่รู้จักและขายได้เท่านั้น ฉะนั้นอยากกินก็ต้องทำเอง ทำครั้งสองครั้งแรกมันก็ยาก แต่ทำไปทำไปมันก็ง่ายขึ้น และสนุกดีด้วยนะต๊ะว่า

มะระที่ญี่ปุ่นจัดเป็นอาหารไฮโซเมื่อสัก 30 ปีก่อน ในแถบคันโตไม่มีขาย อยากกินก็ต้องไปโอกินาว่า หรือตามร้านอาหารเท่านั้น ตอนนี้ก็ยังจัดเป็นผักราคาแพงอยู่บ้าง แต่ก็หาซื้อได้ทั่วไปค่ะ มีขายกันตลอดทั้งปีด้วย อยากกินตอนไหนก็ออกไปซื้อได้เลย 

สำหรับรสชาติมะระญี่ปุ่นกับมะระไทยนั้นต๊ะว่าคล้ายกันค่ะ อาจจะไม่เหมือนซะทีเดียวแต่ก็ใช้แทนกันได้สบายมาก 

เส้นบะหมี่ที่เห็นวันนี้เป็นเส้นราเมนค่ะ ในโตเกียวหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป มีให้เลือกทั้งแบบสด แบบแห้ง ต๊ะกินมาแล้วครบทุกยี่ห้อ คุณภาพพอรับได้ แต่ไม่ยี่ห้อไหนเลยที่อร่อยเหมือนกับเวลาไปกินราเมนที่รัาน :-( หลังจากเสาะหามานาน....ต๊ะสรุปได้ว่าเส้นบะหมีที่อร่อยสุดยอดนั้น คงต้องไปซื้อตามไชน่าทาวน์ หรือย่านที่ผลิตบะหมี่ส่งให้ร้านอาหาร เหมือนกับเยาวราชบ้านเรานั่นเอง (หวังว่าคงไม่ใช่ต๊ะลวกไม่เป็น แล้วมาบ่นว่าของเค้าไม่ดีหรอกนะ แหะ แหะ) 

เอาล่ะค่ะตามมาดูสูตรก๋วยเตี๋ยวไก่มะระที่ต๊ะทำกินกับซาดาโอะและโคชิดีกว่า อร่อยน้า

เครื่องปรุง

โครงไก่ 500 กรัม

กะหลํ่าปลี 1/4 หัว

ปีกไก่ 300 กรัม

นํ้าเปล่า 2500 มล.

อบเชย 2 แท่ง

โปยกั๊ก 4-5 ดอก

รากผักชีทุบ 3-4 ราก
กระเทียมบุบ 5-6 กลีบ
ซีอิ้วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 9 ช้อนโต๊ะ
นํ้าตาลกรวด 2 ช้อนโต๊ะ
มะระ 100 กรัม
-------------------------
ไก่นึ่ง
ถั่วงอก
มะระลวก
เส้นบะหมี่
กระเทียมเจียว
ผักชี

ต๊ะห่างหายไปจากการทำอาหารญี่ปุ่นลงบล็อกนานมาก ๆ ต้องขอบอกก่อนว่าไม่ได้ยุ่งเสียจนไม่มีเวลาหรืออย่างไรหรอกนะคะ แต่เป็นเพราะอาหารที่ทำได้ก็ทำไปลงหมดแล้วนั่นเอง ระหว่างที่หายไปก็ไปฝึกวิชาอาหารญี่ปุ่นเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นหัดหุงข้าวซูชิ หัดม้วน หัดห่อ ข้าวห่อสาหร่าย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ก้าวหน้าได้อย่างที่คิดไว้เท่าไหร่ เมนูซูชิทั้งหลายที่อยากจะทำลงบล็อกก็ยังต้องร้องเพลงรอต่อไป 

วันนี้ก็จะยังเป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นง่ายๆ แต่อร่อยลํ้า ที่มือใหม่ไม่เคยทำอาหารญี่ปุ่นก็ทำตามได้ไม่ยากเย็นเหมือนเดิมค่ะ  

ตั้งแต่มาอยู่โตเกียวต๊ะได้กินหอยอาซาริบ่อยมากๆ เพราะหากินได้ง่าย อร่อย มีตลอดทั้งปี ราคาก็ไม่แพง จะกินทั้งวันก็ยังไหว ที่สำคัญมันสด หวานฉํ่ามากๆ ค่ะ หอยที่นี่จะขายกันแบบเป็นๆ เท่านั้นค่ะ อย่าเพิ่งประณามในความโหดของคนทำเลยนะคะ แรกทีเดียวต๊ะไม่คุ้นกับการกินอาหารแบบนี้เท่าไหร่ ซื้อหอยลายมาก็แช่ตู้เย็นเอาไว้ แต่จะทิ้งไว้เป็นอาทิตย์มันก็ยังดูสดชื่นกันอยู่ทุกตัว ก็ต้องตัดใจเอามาทำกับข้าวทั้งๆ แบบนั้นนั่นแหละค่ะ อยู่ไปอยู่ไปก็คุ้นและชิน

เมนูวันนี้จริงๆ แล้วเป็นอาหารจีนแปลงร่างค่ะ เกิดขึ้นเพราะว่าต๊ะยังไม่เจอเมนูสไตล์ญี่ปุ่นแท้ที่ถูกใจเลย เวลาซื้อหอยอาซาริมาก็เอามาผัดกับนํ้าพริกเผา มันอร่อยก็ใช่ แต่มันไม่ได้เข้ากับอาหารญี่ปุ่นที่อยู่บนโต๊ะเลย ก็เลยดัดแปลง Kam Heong Clams ผัดหอยลายลูกผสม จีน อินเดีย มาเลย์ ที่ต๊ะเคยกินอร่อยตอนอยู่กัวลาลัมเปร์ มาลองแปลงสัญชาติดู ออกมาสำเร็จค่ะ อร่อย และเข้ากับอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ จนคนทำยังตกใจเหมือนกัน 

หอยอาซาริเมื่อซื้อมาแล้วต้องแช่นํ้าทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงนะคะ เพื่อให้หอยคายดินออก แต่หอยลายญี่ปุ่นสะอาดมากค่ะ ดินแทบไม่มี หรือจะเป็นเพราะเป็นหอยลายเป็นก็ไม่รู้นะคะ เอาล่ะค่ะตามมาดูสูตรหอยลายผัดที่ต๊ะขอทึกทักเอาว่าเป็นสไตล์ญี่ปุ่นดีกว่าค่ะ 

ส่วนผสม 

หอยอาซาริ 250 กรัม 

หอมแดงซอย 4-5 หัว 

นํ้ามันหอย 1 ช้อนโต๊ะ 

มิโซะ 1 ช้อนชา

ผงกะหรี่ 1 1/4 ช้อนโต๊ะ 

สาเก 1 1/2 ช้อนโต๊ะ 

นํ้าตาล 1 ช้อนชา 

ล้างทำความสะอาดหอยอาซาริ เสร็จแล้วเอาใส่ตะแกรงทิ้งไว้ให้สะเด็ดนํ้าค่ะ 

ตั้งกระทำใส่นํ้ามันลงไปเล็กน้อย ใส่หอมแดงลงไปผัดให้หอมเลยค่ะ